กาฬสินธุ์แรงงานอิสราเอลวีดีโอคอลระทึกขีปนาวุธยิงข้ามหัวแต่ขอทำงานต่อเสียดายเงินเดือนแสน

กาฬสินธุ์แรงงานอิสราเอลวีดีโอคอลระทึกขีปนาวุธยิงข้ามหัวแต่ขอทำงานต่อเสียดายเงินเดือนแสน

 


แรงงานไทยในอิสราเอล ชาวบ้านแก ตำบลอิตื้อ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ วีดีโอคอลถึงลูกเมียเผยเหตุระทึก สถานการณ์สู้รบแนวเขตฉนวนกาซายังรุนแรง ทหารพาอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัยพร้อมเพื่อนแรงงานไทยอีกกว่า 200 ชีวิต แต่ขออยู่ทำงานต่อหวังเก็บเงินสร้างอนาคตให้กับครอบครัว เพราะรายได้เดือนละแสนบาท และมั่นใจว่าปลอดภัย แม้จะมีการยิงขีปนาวุธข้ามหัวทั้งกลางวันกลางคืน เพราะหากกลับมาก็จะต้องแบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก

จากกรณีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสและทหารอิสราเอล เขตฉนวนกาซาทางตอนใต้ของประเทศอิสราเอลมาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 ส่งผลให้ทหาร พลเรือน รวมถึงแรงงานไทย บาดเจ็บ เสียชีวิต รวมทั้งถูกจับเป็นตัวประกันเป็นจำนวนมาก หลายคนยังไม่สามารถติดต่อได้ และด้วยความร่วมมือของรัฐบาลไทยและอิสราเอล ได้ดำเนินการส่งแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและแรงงานที่ประสงค์กลับบ้านแล้วรอบแรกเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) จำนวน 15 คน ขณะที่รอบ 2 วันที่ 16 ต.ค.จำนวน 140 คน และรอบที่ 3 วันที่ 19 ต.ค.อีก 80 คน ล่าสุด มีรายงานว่ายอดคนงานไทยขออพยพกลับบ้านจำนวน 6,000 คน ขออยู่ทำงานต่อ 64 คน ทั้งนี้ เสียชีวิต 21 ราย บาดเจ็บ 13 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 16 ราย

อย่างไรก็ตาม ในรอบแรกนั้นเดินทางกลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพแล้ว ไม่มีแรงงานชาว จ.กาฬสินธุ์ ส่วนรอบที่ 2 และรอบที่ 3 ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อออกมาว่ามีแรงงานชาว จ.กาฬสินธุ์เดินทางกลับด้วยหรือไม่ ในขณะที่ศพของนายสมควร พันธ์สะอาด แรงงานไทยชาวบ้านหนองแวงใต้ ต.ขมิ้น อ.เมืองกาฬสินธุ์ ทางครอบครัวได้รับแจ้งจากเพื่อนของนายสมควรที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลด้วยกันว่า ศพของนายสมควรน่าจะมาถึง จ.กาฬสินธุ์ประมาณวันที่ 18 ต.ค.66 ขณะนี้คาดว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการประสานงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

 


ล่าสุดวันที่ 13 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 2 บ้านแก ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายบุญเคน ภูครองหิน ผู้ใหญ่บ้านแก หมู่ 2 ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับครอบครัวของนายอาทร ดวงจันดี อายุ 33 ปี ที่ไปขายแรงงานในเมือง ASHDOD ตอนใต้ของประเทศอิสราเอล ใกล้ฉนวนกาซา โดยเป็นการเยี่ยมยามให้กำลังใจ และสอบถามความต้องการ ตามนโยบายกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลไปประสานกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ได้มีการพบปะพุดคุยกับนางสาวทัศนีย์ ภูครองแถว อายุ 30 ปี ภรรยานายอาทร พร้อมญาติ ซึ่งกำลังวีดีโอคอลกันอยู่พอดี

ในระหว่างที่วีดีโอคอลพูดคุยกันนั้น นายอาทรกำลังเตรียมตัวไปทำงาน โดยบอกว่าตอนนี้พำนักอยู่ในหลุมหลบภัย หลังจากตนและเพื่อนแรงงานไทยจำนวน 200 ชีวิต อพยพมาพักอยู่ โดยทหารอิสราเอลพาอพยพมาจากแนวชายแดนฉนวนกาซาเมื่อคืนวันที่ 7 ต.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดที่มีความปลอดภัยสูง
นายอาทรกล่าวว่า ตนเพิ่งมาทำงานที่อิสราเอลเมื่อเดือน มิ.ย.66 เพิ่งได้ 4 เดือนแค่นั้นเอง โดยมาเป็นช่างประกอบท่อ เงินเดือนประมาณ 1 แสนบาท เหลือสุทธิประมาณ 8 หมื่นบาท สัญญาจ้างปีต่อปี

หากจะให้เดินทางกลับช่วงนี้คงไม่ได้ เพราะเพิ่งมาทำงาน หนี้สินที่กู้เพื่อเดินทางมาทำงานยังเหลือเป็นแสน เพื่ออนาคตจึงขอเลือกที่จะทำงานต่อแม้อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย หากกลับบ้านคงตกงานและต้องแบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก อีกอย่างทำงานที่นี่รายได้ดีกว่าทำงานในเมืองไทยหลายเท่าตัว หากกลับไปก็เสียดายเงินเดือน โดยเฉพาะสาเหตุที่อยากจะอยู่ต่อคือมั่นใจว่ามีความปลอดภัย เพราะอยู่ห่างไกลจากจุดสู้รบประมาณ 30 กม. ถึงแม้จะมีขีปนาวุธลอยข้ามหัวทั้งวันทั้งคืนก็ตาม


ขณะที่นางสาวทัศนีย์ ภูครองแถว อายุ 30 ปี ภรรยานายอาทรกล่าวว่า ตนและญาติทุกคนรู้สึกเป็นห่วงนายอาทรมาก เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ก็ได้แต่หาเวลาว่างวีดีโอคอลพูดคุยกันเป็นประจำ เพื่อให้กำลังใจกันและกัน ใจจริงอยากให้สามีกลับมา แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำงานต่อ เพราะมั่นใจในความปลอดภัย ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของสามี อย่างไรก็ตาม ก็ยังอดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ ที่ทราบว่าแรงงานไทยคนอื่นขอเดินทางกลับบ้าน แต่สามีของตนกลับยังอยากจะทำงานต่อที่อิสราเอล ตนก็ทำแต่วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ปกปักรักษาคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งนี้ทราบว่า กลุ่มแรงงานไทยที่ทำงานอยู่กับสามีจำนวน 200 คนนั้น ขอเดินทางกลับเพียง 12 คน

ข่าวที่น่าติดตาม