ปัตตานี-ม.อ.ปัตตานี สร้างแกนนำนศ. 100 นักรบรับมือภัยพิบัติ

ม.อ.ปัตตานี สร้างแกนนำ นศ. 100 นักรบยามวิกฤต รับมือภัยพิบัติ ผ่านโครงการ “Together We Rise” จากการจำลองสถานการณ์จริง

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดอบรมทักษะการรับมือภัยพิบัติแก่นักศึกษาแกนนำ 100 คน ผ่านโครงการรวมพลังนักศึกษา ร่วมรับมือภัยพิบัติ “Together We Rise: Students in Action for Disaster Preparedness” เพื่อเสริมทักษะและสร้างผู้นำนักศึกษาในการรับมือภัยพิบัติ โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพแกนนำนักศึกษาทั้ง 100 คน ให้มีความพร้อมในสถานการณ์จริง ผ่านการอบรมเข้มและกิจกรรมจำลองสถานการณ์น้ำท่วม ระหว่างวันที่ 22–23 พ.ย. 68 ณ คณะพยาบาลศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี
โครงการดังกล่าวดำเนินงานโดย คณะทำงานด้านพัฒนานักศึกษาและสโมสรนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี ภายใต้การดูแลของ อาจารย์รีนา มะโน หัวหน้าโครงการ ฯ และทีมวิทยากรจากภาคีเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการช่วยเหลือด้านภัยพิบัติให้แก่แกนนำนักศึกษาจากทั้ง 8 คณะ และผู้สนใจ รวมจำนวน 100 คน พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมด้านจิตอาสาและเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐและชุมชนในพื้นที่
อาจารย์รีนา มะโน หัวหน้าโครงการ ฯ เปิดใจว่า คณะพยาบาลศาสตร์ ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดโครงการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาในด้านจริยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ ตามมาตรฐานของสภาการพยาบาลระดับนานาชาติ โดยนักศึกษาสองกลุ่มได้ร่วมกันออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะ และสามารถช่วยเหลือสังคมได้จริง
“หัวใจของโครงการ คือการสร้างความรู้พื้นฐานในการรับมือภัยพิบัติให้แก่แกนนำนักศึกษาคณะต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมจำลองเหตุการณ์จริง ซึ่งทำให้นักศึกษาต้องวิเคราะห์สถานการณ์ ตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน และฝึกความเป็นผู้นำจิตอาสา
. ประเด็นสำคัญ คือ มหาวิทยาลัย ฯ เคยประสบเหตุภัยพิบัติเมื่อปี 2567 ทำให้มองเห็นข้อจำกัดด้านการวางแผน ในปี 2568 จึงนำบทเรียนมาพัฒนากิจกรรมให้เป็นระบบมากขึ้นควบคู่กับรายวิชา “การรับมือและการจัดการภัยพิบัติ” ที่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ต้องเรียนทุกปี ให้วิชาการเชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัตตานีเป็นพื้นที่ที่มีอุทกภัยทุกปี นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ จึงมักออกช่วยเหลือชุมชนอยู่แล้ว โครงการนี้ช่วยเติมเต็มทักษะการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี ทำให้พวกเขาสามารถช่วยสังคมได้มากกว่าเดิม ขณะที่ในอนาคต คณะมีแนวคิดจะเปิดรับผู้สนใจเป็น “แกนนำจิตอาสาภัยพิบัติ” ให้กว้างขึ้นทั้งนักศึกษาคณะอื่นและบุคลากร นอกจากทักษะด้านการพยาบาล สิ่งสำคัญคือการปลูกฝัง ความมีน้ำใจ ความไวต่ออารมณ์ และการสังเกตสีหน้าความรู้สึกของผู้อื่น ซึ่งเป็นหัวใจของวิชาชีพพยาบาลในยุคดิจิทัล”
“โครงการนี้ไม่ได้สอนให้นักศึกษาแค่รับมือภัยพิบัติ แต่สอนให้พวกเขาคิดเป็น ตัดสินใจเป็น และ เป็นมนุษย์ ที่ยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นอย่างถูกต้องและมีหัวใจ” อาจารย์รีนา มะโน กล่าว
“น้ำท่วมครั้งนั้นสอนเราอย่างหนึ่ง การรับมือภัยพิบัติ ต้องเริ่มจากการเตรียมพร้อม ไม่ใช่รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน ” ผศ.สุนิดา อรรถอนุชิต หนึ่งในคณะทำงานโครงการ ฯ กล่าวว่า จากประสบการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว สร้างผลกระทบกว้างขวางทั้งในและรอบมหาวิทยาลัย ทำให้ทีมพยาบาลต้องตั้งศูนย์คัดกรองและดูแลนักศึกษาที่บาดเจ็บเล็กน้อยแบบเร่งด่วนโดยไม่มีแผนรองรับชัดเจน เหตุการณ์นั้นกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ถูกนำมาปรับใช้ในโครงการปีนี้ ทั้งด้านการดูแลผู้บาดเจ็บเล็กน้อย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี การช่วยฟื้นคืนชีพ การประเมินความปลอดภัยพื้นที่ และการคัดแยกผู้ป่วยตามระบบสากล พร้อมบูรณาการร่วมกับคณะต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพนักศึกษาแกนนำในการรับมือภัยพิบัติผ่านสถานการณ์จำลองจริงในพื้นที่รูสะมิแล โดยอาจารย์ทำหน้าที่เป็นวิทยากรและประจำสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือน ซึ่งมีผู้บาดเจ็บจำลองถึง 11 ราย เพื่อฝึกทักษะและสื่อสารการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาคสนามและผู้สังเกตการณ์ในห้องบรรยาย
โครงการนี้มีกิจกรรมตลอด 2 วัน โดยวันแรกจะเป็นการอบรมให้ความรู้แก่นักศึกษาแกนนำและบุคลากรคณะพยาบาลเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติ การคัดแยกผู้ป่วย การเปิดศูนย์พักพิง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การช่วยเหลือพื้นฐาน และการฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบเข้มข้นทั้งวัน ส่วนวันที่สอง เป็นการนำความรู้มาปฏิบัติจริงผ่านการจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี แบ่งเป็น 5 สถานการณ์ย่อย ได้แก่ น้ำท่วมในชุมชน น้ำท่วมในโรงเรียน เหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ดินถล่มบริเวณเชิงเขา และโรงเรียนถล่มจากพายุ โดยมีนักศึกษาแกนนำจาก 8 คณะร่วมฝึกทักษะปฐมพยาบาล การประสานงานขอความช่วยเหลือ การสื่อสารสถานการณ์ และการดูแลผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อพัฒนาความพร้อมรับมือภัยพิบัติอย่างรอบด้าน
ด้านนางสาวฟาตอนีย๊ะ มาหะหมะ แกนนำนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ฯ ชั้นปีที่2 กล่าวว่าถึงจุดเริ่มต้นการเข้ามาเป็นแกนนำจิตอาสากับเพื่อน ๆ และเห็นว่าปัญหาน้ำท่วมในปัตตานีเกิดขึ้นซ้ำทุกปี จึงอยากใช้ความรู้ด้านพยาบาลไปช่วยแก้ปัญหาจริงในชุมชน
“หนูชอบงานช่วยเหลือผู้อื่น และเชื่อว่าการพยาบาลสาธารณภัยเป็นทักษะที่จำเป็น ทุกคนควรช่วยคนได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องการคัดแยกผู้ป่วย การประเมินความเสี่ยง และการดูแลเบื้องต้น สิ่งที่คณะพยาบาลปลูกฝังมาเสมอคือ “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” และ “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ซึ่งหนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการลงมือทำจริงผ่านงานจิตอาสา ความสุขของคนที่เราได้ช่วยคือสิ่งที่มีค่าที่สุด สำหรับการอบรมวันที่ 22–23 นี้ หนูตั้งใจจะเก็บความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปใช้รับมือ เพื่อนำไปใช้รับมือสถานการณ์จริง และส่งต่อให้เพื่อน ๆ ในชุมชนได้เข้าใจและช่วยเหลือกันเมื่อเกิดภัยพิบัติ”
“การเห็นรอยยิ้มของคนที่เราได้ช่วยเหลือ คือรางวัลที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา” ประโยคสั้นๆ ด้วยแววตาอ่อนโยนของ นายศุลฮาน เล๊าะเหล๊ะ แกนนำนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ฯ ชั้นปีที่2 อีกหนึ่งคนที่เข้าร่วมสมัครเป็นแกนนำนักศึกษาครั้งนี้บอกว่า
“ในฐานะแกนนำ ผมรู้สึกว่าการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เพราะเราอาจต้องช่วยเหลือคนรอบตัวหรือชุมชนเมื่อเกิดเหตุจริง ปีที่แล้วผมเคยลงพื้นที่ช่วงน้ำท่วม ช่วยแจกน้ำ อาหาร และของใช้จำเป็นให้ชุมชน ทำให้เข้าใจว่าการช่วยคนต้องมีการวางแผนและรู้จักประเมินความรุนแรงของเหตุการณ์ ปีนี้เรามีการเตรียมพร้อมมากขึ้น ตั้งใจเก็บความรู้จากโครงการเพื่อให้สามารถแยกผู้ป่วย ดูแลเบื้องต้น และช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าการทำงานจิตอาสา ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือโอกาสที่จะทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น และเห็นรอยยิ้มของพวกเขาคือรางวัลที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา ”
โครงการ “Together We Rise” ของคณะพยาบาลศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี ไม่เพียงสร้างทักษะรับมือภัยพิบัติแก่นักศึกษาแกนนำ 100 คน แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกด้านจริยธรรมและความมีน้ำใจต่อสังคม ผ่านกิจกรรมจำลองสถานการณ์จริง สร้างความพร้อมให้แกนนำนักศึกษาในการช่วยเหลือชุมชนและผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้จิตอาสาเป็นมากกว่าคำสอน แต่เป็นการลงมือทำเพื่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน
