12/10/2024

(ศรีสะเกษ) ผบ.กกล.สุรนารี รำลึก.. “วันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ ความกล้าหาญและความเสียสละของทหารผ่านศึก”

(ศรีสะเกษ) ผบ.กกล.สุรนารี รำลึก.. “วันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ ความกล้าหาญและความเสียสละของทหารผ่านศึก”

 


วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 พลตรี วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาสดุดีวีรชนผู้กล้าหาญ ที่ได้เสียสละชีวิตและเลือดเนื้อของตนเองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย ณ อนุสาวรีย์ พันตรีวิชิต ศรีคงรักษ์ ณ ฐานปฏิบัติการพนมกันตุง กองร้อยทหารพรานที่ 2609 บ้านสันติสุข ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี พันเอกนิสิต สมานมิตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 ร่วมให้การต้อนรับและปฏิบัติภารกิจ ร่วมกับ ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ กำลังพลของหน่วย กำลังพลทหารพราน ตำรวจลาดตระเวนชายแดน หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก และตัวแทนทหารผ่านศึก อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมในพิธี

เพื่อน้อมรำลึกและเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละเลือดเนื้อ แม้กระทั่งชีวิต สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2528 ปรากฏข่าวสารว่ามีกำลังจากภายนอกประเทศรุกล้ำอธิปไตย ของไทยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ กองร้อยทหารพรานที่ 2302 ได้รับคำสั่งให้พิสูจน์ตรวจสอบกำลังจากภายนอกประเทศ ที่รุกรานเข้ามาทางบริเวณทิศเหนือช่องพระพะลัย นำโดย ร้อยตรีวิชิต ศรีคงรักษ์ (ยศในขณะนั้น) จึงจัดกำลังออกปฏิบัติการทันทีโดยตนเองทำหน้าที่เป็น ผู้บังคับชุดลาดตระเวน มีอาสาสมัครทหารพราน วิเศษ บุญคง ทำหน้าที่เป็นพลลาดตระเวนนำ กระทั่งถึงบริเวณป่าทิศตะวันออกเส้นทางขึ้นช่องกระบาลกระไบ ระหว่างกิโลเมตรที่ 6-7 ชุดลาดตระเวนนำถูกซุ่มโจมตีอย่างหนัก จากฝ่ายตรงข้าม มีการยิงตอบโต้กันประมาณ 2 นาที

ร้อยตรี วิชิตฯ เกรงว่าฝ่ายเราซึ่งตกอยู่ในพื้นที่โจมตีจะเกิดความสูญเสีย จึงสั่งการให้ชุดลาดตระเวน ปรับแผนการปฏิบัติถอนตัวจากพื้นที่ปะทะ เพื่อวางแผนการปฏิบัติต่อกำลังฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง เมื่อมารวมกำลังเรียบร้อยตรวจสอบกำลังพลแล้ว ปรากฏว่ามีกำลังพลหายไปหนึ่งนายคือ อาสาสมัครทหารพราน วิเศษ บุญคง จากการประเมินสถานการณ์ฝ่ายเรามีกำลังน้อยกว่า ฝ่ายตรงข้าม ร้อยตรี วิชิตฯ จึงวิทยุสั่งการไปยังกองร้อยให้จัดกำลังพลมาเพิ่มเติมและได้วางกำลังตรึงฝ่ายตรงข้ามไว้ วันที่ 4 มีนาคม 2528 เวลา 08.00 น.กองร้อยทหารพรานที่ 2302 มีการปรับกำลังใหม่เคลื่อนย้ายเข้าพิสูจน์ทราบและค้นหาอาสาสมัครทหารพราน วิเศษ บุญคง โดยแบ่งกำลังเป็น 2 ชุดปฏิบัติการ เข้าดำเนินกลยุทธต่อฝ่ายตรงข้าม ชุดที่ 1 มีร้อยตรี วิชิตฯ เป็นผู้บังคับชุดเข้าตีที่หมายทางด้านปีกซ้าย และชุดที่ 2 เข้าตีทางด้านปีกขวา

ขณะที่ดำเนินกลยุทธเข้าไปนั้นเอง ฝ่ายตรงข้ามได้ระดมยิงใส่ชุดปฏิบัติการของ ร้อยตรี วิชิตฯ อย่างหนักด้วยอาวุธทุกชนิด ทำให้อาสาสมัครทหารพราน สีคิ้ว วรรณทอง พลวิทยุถูกยิงบาดเจ็บ ด้วยความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชา ร้อยตรี วิชิตฯ พยายามเข้าไปช่วยเหลือนำเข้าที่กำบังแต่ในขณะกำลังนำลูกน้องออกมานั้นเอง ร้อยตรี วิชิตฯ ได้ถูกยิงจากฝ่ายตรงข้ามจนบาดเจ็บ จึงสั่งการให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ปะทะโดยเร็ว กำลังที่เหลือจึงทำการถอนตัวออกไป โดยที่ ร้อยตรี วิชิตฯ ได้แสดงออกถึงความกล้าหาญ เด็ดเดียว ด้วยการยิงสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามไว้ เพื่อคุ้มครองผู้ใต้บังคับบัญชา ที่กำลังถอนตัว จนกระทั่งตนเองถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเสียชีวิตบริเวณพื้นที่ปะทะ (อยู่ใต้ต้นจะบก) เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2528 เวลาประมาณ 10.00 น.ส่วนกำลังที่ถอนตัวจากการปะทะจ่ากองร้อย ได้ตรวจสอบสถานภาพพบว่ากำลังพลหายไป 5 นาย รวมกับร้อยตรี วิชิตฯ ผู้บังคับกองร้อย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังไปฐานปฏิบัติการรุ่งคำ เพื่อปรับแผนและรับคำสั่งต่อไป ในวันที่ 5 มีนาคม 2528

พันเอกประพันธ์ คำอาจ (ยศขณะนั้น) ผู้บังกับการกรมทหารพรานที่ 23 จัดกำลังจากกองร้อยทหารพรานที่ 2301 และ กองร้อยทหารพรานที่ 2307 มาเพิ่มเติมกำลัง รวมทั้งกองกองกำลังสุรนารีได้ส่งกำลังหนึ่งกองร้อยทหารราบ จากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 นำโดยร้อยเอกวิษณุศักดิ์ กลั่นเสนาะ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้บังคับกองร้อย นำกำลังจากพื้นที่ช่องตาตุม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มาสนับสนุนการปฏิบัติ โดยนำกำลังเข้ากวาดล้างบริเวณพื้นที่ปะทะ และค้นหากำลังพลที่สูญหายจากการปะทะ ซึ่งพบว่าได้เสียชีวิตอยู่ในที่มั่น ที่ปะทะทั้งหมด รวม 5 นาย คือ 1.ร้อยตรีวิชิต ศรีคงรักษ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2302 2.อาสาสมัครทหารพราน วิเศษ บุญคง 3.อาสาสมัครทหารพราน สีคิ้ว วรรณทอง 4.อาสาสมัครทหารพราน ประเทือง คำสิงหา 5.อาสาสมัครทหารพราน พวน ไผ่เลี้ยง วีรกรรมของ ร้อยตรี วิชิต ฯ ในครั้งนั้นนับได้ว่าเป็นการกระทำที่สมเกียรติ สมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร ได้แสดงออกถึงความกล้าหาญ เด็ดเดียว ด้วยความสำนึกในหน้าที่เพื่อปกป้องคุ้มครองผืนแผ่นดินไทย เป็นเครื่องยืนยัน ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ระลึกถึงคุณงามความดีเป็นนิจนิรันดร จึงสมควรได้รับการสดุดีไว้ ณ ที่นี้ “ตายในสนามรบ เป็นเกียรติของทหาร”

ปุรุศักดิ์ แสนกล้า รายงาน