สบส.เผย คนไทย “ติดรสจัด” กินหวาน มัน เค็ม เสี่ยงเกิด NCDs

สบส.เผย คนไทย “ติดรสจัด” กินหวาน มัน เค็ม เสี่ยงเกิด NCDs
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพการกินหวาน มัน เค็ม ชี้คนไทยมีพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ บริโภคอาหารรสจัดทั้งหวาน มัน และเค็ม ติดเครื่องดื่มชงหวาน และกินส้มตำถี่ มีพฤติกรรมเสี่ยงนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ส่วนนโยบาย “นับคาร์บ” และ อสม. เห็นด้วยว่ามีส่วนสำคัญช่วยปรับพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน
ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เผยว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมของ
คนไทยกำลังเป็นภัยคุกคามสุขภาพ ก่อให้เกิดแนวโน้มการเจ็บป่วยด้วย NCDs อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต กรม สบส.โดยกองสุขศึกษา จึงได้ดำเนินการเฝ้าระวัง สำรวจพฤติกรรมสุขภาพการกินหวาน มัน เค็ม ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมระดับพื้นที่ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 52,717 คน พบคนไทยมีพฤติกรรมกินหวาน มัน เค็ม ดังนี้
1.กินหวาน 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 50.89 โดยนิยมดื่มเครื่องดื่มชงที่ใส่น้ำตาล เช่น ชานม กาแฟเย็น และน้ำผลไม้ เป็นพฤติกรรมที่พบบ่อยที่สุด (ร้อยละ 56.22) 2.กินอาหารที่มีไขมันสูง 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 45.57 โดยมีเมนูยอดนิยมเป็นอาหารทอด อาหารผัดน้ำมัน และอาหารฟาสต์ฟู้ด (ร้อยละ 52.24) และ3.กินเค็ม 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาความดันโลหิตสูงและโรคไต ร้อยละ 49.91 โดยนิยมกินอาหารประเภทส้มตำ ยำและลาบ (ร้อยละ 65.11)
ด้านนายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า คนไทยยังมีความรู้ด้านโภชนาการอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง มีความรู้เกี่ยวกับการกินเค็มที่ถูกต้องน้อยที่สุดเพียง ร้อยละ 15.15 เมื่อเทียบกับความรู้เกี่ยวกับการกินหวานและมัน โดยส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.54 เวลาซื้อหรือกินอาหารนอกบ้าน ไม่กล้าแจ้งแม่ค้าหรือร้านอาหารให้งดหรือลดเครื่องปรุง แม้จะรู้ว่าอาหารมีรสจัดหรือไม่ดีต่อสุขภาพ โดยผู้ตอบแบบเฝ้าระวังฯ ร้อยละ 94.86 ต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านโยบาย “นับคาร์บ” มีส่วนสำคัญที่ช่วยลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ร้อยละ 91.85 ก็เห็นว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับการลดอาหารหวาน มัน เค็ม ซึ่งมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นโยบาย “นับคาร์บ” และ อสม. ถือเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนให้ห่างไกล NCDs โดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อการเลือกบริโภคอาหารอย่างปลอดภัย อีกทั้ง กรม สบส. จะนำกลไก ยุว อสม.หรือ “อาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H)” ที่มีกว่า 20,000 คนในสถานศึกษา มาร่วมกิจกรรมรณรงค์ให้เด็กและเยาวชน เกิดความตระหนักรู้ในเรื่องของพฤติกรรมการกินหวาน มันเค็ม เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของการเกิด NCDs ในระยะยาว
เจนกิจ นัดไธสง รายงาน