08/12/2024

กาฬสินธุ์ แฉรับเหมาขาใหญ่เป็นหนี้ไม่จ่ายค่าแรงงาน  โดยพระ-ชาวบ้าน นำชี้อีกจุดลำน้ำชี 7 ชั่วโคตรพ่นพิษทำพนังซึม วอน “นายกฯอิ๊ง” – “มท.1” ขันน็อตพ่อเมืองกาฬสินธุ์ แก้ไขปัญหาด่วน

1804282
กาฬสินธุ์ แฉรับเหมาขาใหญ่เป็นหนี้ไม่จ่ายค่าแรงงาน  โดยพระ-ชาวบ้าน นำชี้อีกจุดลำน้ำชี 7 ชั่วโคตรพ่นพิษทำพนังซึม วอน “นายกฯอิ๊ง” – “มท.1” ขันน็อตพ่อเมืองกาฬสินธุ์ แก้ไขปัญหาด่วน
พระ-ชาวบ้านในต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ลุยชี้จุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี หลังวัดลำชีศรีวนาราม อีกหนึ่งความล้มเหลวของโครงการ “มหากาพย์ 7 ชั่วโคตร” กรมโยธาธิการฯจัดสรรก่อสร้างด้วยงบ 59 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 33 ล้านบาท น้ำลดงบละลายแม่น้ำ เรียกร้อง “นายกอิ๊ง” มท.1 เร่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อสร้างให้แล้วเสร็จในฤดูน้ำลด หวั่นเกิดเหตุพนังแตก น้ำทะลักท่วมซ้ำสอง พร้อมขันน็อต ผวจ.กาฬสินธุ์ แก้ไขกลุ่มแรงงานก่อสร้างที่ร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากทำงานให้รับเหมาขาใหญ่แต่ไม่ได้เงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว ต้องเป็นหนี้ท่วมหัวเพราะรับเหมาขาใหญ่ไม่จ่ายค่าแรง
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหลังวัดลำชีศรีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ หลวงพ่อมณี ศิริปุณฺโณ พระลูกวัด วัดลำชีวนาราม พร้อมด้วยนางทัศนีย์ สาระทะนง ผู้ใหญ่บ้านหนองหวาย และผู้นำชุมชน ตัวแทนชาวบ้านหนองหวาย บ้านวังยาว 2 หมู่บ้าน ร่วมกันชี้จุดเสี่ยงพนังกั้นลำชีแตก และจุดก่อสร้างผู้รับเหมาทิ้งงาน ที่ได้ส่งผลกระทบและเกิดความเสียหาย จากโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) ความยาว 385 ม. งบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 59,270,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย.63 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค.65 เบิกจ่ายไปแล้ว 33,090,500 บาท โดยคนงานได้ขนย้ายเครื่องจักรหนีไปหมด ก่อนที่กรมโยธาฯ จะยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ชาวบ้านได้พากันเดินชี้จุดเสี่ยงภัยและจุดก่อสร้างที่ภายหลังน้ำลด จะพบเห็นความเสียหายบริเวณพื้นที่ก่อสร้างตลอดระยะทาง รวมถึงความเสียหายที่มากับกระแสน้ำในช่วงที่ผ่านมา โดยที่ยังไม่มีการแก้ไขจนสงสัยว่ามีความพยามในการปกปิดความผิดพลาดในครั้งนี้หรือไม่
นายสุนทร นาสินทรัพย์  อายุ 70 ปี ชาวนาบ้านหนองหวาย ซึ่งมีที่ดินทำกินอยู่ติดเขตวัดและพนังกั้นแม่น้ำชีกล่าวว่า บริเวณจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งดังกล่าว ถือเป็นจุดเสี่ยงที่สุดที่จะถูกมวลน้ำกัดเซาะพนังแตก เนื่องจากเป็นโค้งคุ้งน้ำ เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก มวลน้ำจะพุ่งชนหัวโค้งบริเวณหลังวัดพอดี ซึ่งก่อนที่จะมีโครงการมาลงพื้นที้ สันพนังมีความหนาประมาณ 5-6 เมตร ต่อมาในปี 2561-64 เกิดภาวะน้ำชีล้นตลิ่ง ความแรงของมวลน้ำได้กัดเซาะจนพนังแตก น้ำทะลักท่วมวัด พื้นที่การเกษตรและหมู่บ้าน ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายพันไร่ การก่อสร้างในจุดนี้ด้วยงบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมือง หลังน้ำลดเห็นผู้รับเหมานำเครื่องจักร เสาเข็ม วัสดุอุปกรณ์มาก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ตนและพระเณร ชาวบ้าน ต่างดีใจ เพราะมีการปรับแต่งหน้าดินเพื่อทำสันพนังใหม่ ให้มีความกว้างมากขึ้น สูงขึ้นและมีความมั่นคง แข็งแรง โดยขุดเจาะลึกเข้ามาในเขตที่ดินตน จนสันพนังเหลือเพียง 2 เมตรเท่านั้น และทำการฝังเสาเข็มได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะหยุดทำงานไปเฉยๆ พร้อมขนย้ายเครื่องจักรออกไปหมด ทิ้งให้ดูต่างหน้าเพียงกองเสาเข็ม สร้างความสงสัยให้กับพระเณรและชาวบ้านเป็นอย่างมาก ต่อมาจึงได้ทราบว่าผู้รับเหมาโครงการนี้ทิ้งงาน และถูกกรมโยธาฯ ยกเลิกสัญญาในที่สุด
“ฤดูน้ำหลากช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.67 ที่ผ่านมา น้ำชีเพิ่มระดับสูงขึ้น ทั้งพระเณรก็ย้ายที่จำวัตรไปอยู่ที่สูง เพื่อความปลอดภัย ในขณะที่ชาวบ้านวิตกกังวลกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดวิตกว่าจะเกิดเหตุพนังแตกรอบสอง เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยวและกัดเซาะตัวพนังที่คอดกิ่วทุกๆวัน บางจุดรั่วซึม มีน้ำไหลลอดพนังเป็นช่วงๆ โชคดีที่ระดับน้ำในแม่น้ำชีปีนี้ไม่เอ่อขังนาน และลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จึงรอดพ้นวิกฤติพนังแตกรอบสองอย่างหวุดหวิด ทั้งนี้ หลังน้ำลด จากการสำรวจตามแนวพนังระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ขณะนี้ยิ่งทำให้ชวบ้านรู้สึกวิตกกังวลหวาดผวา เนื่องจากเห็นร่องรอยตัวพนังถูกกระแสน้ำกัดเซาะหลายจุดตลอดแนวพนัง ที่ผู้รับเหมามาปรับหน้าดินไว้ก่อนทิ้งงาน จึงต้องการความชัดเจนว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ จะแก้ไขปัญหาอย่างไรในปัญหานี้“ นายสุนทร กล่าวในที่สุด
ด้านนายบุญทัน น้อมระวี อายุ 67 ปี ชาวบ้านวังยาง ต.ลำชีกล่าวว่า ตนเองก็ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อน จากการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชีจุดนี้ เริ่มจากได้รับการชักชวนจากผู้รับเหมา ให้เข้ามาเป็นรถร่วมรับจ้างบรรทุกดิน  ตั้งแต่เข้ามารับจ้าง ไม่เคยได้รับค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว มีแต่ถูกหลอกเรื่อยมาว่าเงินงวดงานยังไม่ออก ต้องควักเงินส่วนตัวจ่ายเป็นค่าน้ำมัน ซ่อมบำรุงและค่าแรงคนงาน รวมแล้วไม่น้อยกว่าแสนบาท เดือดร้อนหนักที่สุดก็ในกลุ่มผู้รับเหมาช่วงหลายราย ต่างก็เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะต้องไปหากู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยสูงมา จ่ายค่าแรงงาน คนงาน ตกรายละหลายล้านบาท
นายบุญทัน กล่าวอีกว่า เมื่อผู้รับเหมาขาใหญ่ทิ้งงาน ผลกระทบที่เกิดกับแรงงานและผู้รับจ้าง ก็ไม่ต่างกับฝันสลาย เกิดความเสียหายไปทั้งระบบ กระทบหนักกับผู้รับเหมาช่วงและแรงงาน ที่เคยหวังจะได้เงินค่าจ้างไปหล่อเลี้ยงกิจการ  เลี้ยงดูครอบครัว ก็มีอันต้องผิดหวัง เจ๊งไปตามๆกัน เนื่องจากผู้รับเหมาขาใหญ่ไม่จ่ายค่าแรง ทั้งๆที่เบิกเงินแอดวานซ์และเงินงวดงานไปแล้ว ดังนั้น จึงขอความเป็นธรรมกับ “นายกอิ๊ง” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงผู้รับเหมาขาใหญ่เยียวยาผู้รับเหมาช่วงและแรงงาน ที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งรีบเร่งจัดหาผู้รับเหมารายใหม่ มาก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งให้แล้วเสร็จด้วย หากปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ ถึงฤดูน้ำหลากปีหน้า พนังที่คอดกิ่วกว่า 100 เมตร ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยน้ำกัดเซาะ อาจจะแตกเป็นครั้งที่สอง มวลน้ำทะลักเข้าท่วมวัด พื้นที่การเกษตรและหมู่บ้าน ได้รับความเสียหายแน่นอน
สำหรับปัญหาการก่อสร้าง มีจำนวน 8 โครงการทุกโครงการก่อสร้างไม่เสร็จและถูกกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย (1) โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ความยาว 937 เมตร งบ 59,350,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 10,336,500 บาท (2) โครงการเขื่อนตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ความยาว 1,141 เมตร  งบประมาณ 108,800,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.ประชาพัฒน์ เบิกจ่าย 64,544,000 บาท (3) โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย ความยาว 423  เมตร งบประมาณ  59,306,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 19,775,900 บาท  (4) โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) วัดลำชีศรีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ความยาว  385 เมตร งบ 59,270,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 33,090,500 บาท (5) โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำพาน หลังเทศบาลตำบลลำพาน บ้านวังยูง อ.เมืองกาฬสินธุ์ ความยาว 526 เมตร งบ 44,490,000 บาท  ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 13,737,500 บาท  (6) โครงการระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง งบ 148,200,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.ประชาพัฒน์  เบิกจ่าย 80,166,000 บาท (7)โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบ 39,540,000 บาท ความยาว 583 เมตร ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 11,099,000 บาท และ(8) โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งบ้านหนองหวาย-หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ความยาว 300 เมตร งบ 39,525,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่าย 20,169,000 บาท
รายงานแจ้งว่า ถึงแม้ที่ผ่านมา อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่ติดตามปัญหาและเคยรับปากประชาชนกลุ่มผู้รับจ้างที่ไม่ได้รับเงินจากค่าจ้างแรงงานโดยได้มอบให้ นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ ทำหน้าที่ติดตามไกล่เกลี่ยเพื่อพี่น้องประชาชน แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา และเยียวยาให้กับชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด จึงทำให้ความเดือดร้อนที่เป็นหนี้เป็นสินจากการก่อสร้างไม่ได้รับการเยียวยา รวมถึงปัญหาการทิ้งงานก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการทางพัสดุหรือดำเนินการทางคดีแพ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหาต่อภาครัฐอย่างไร

ข่าวที่น่าติดตาม