ปี 67 พบผู้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 14,144 ราย แนะปชช.สวมหมวกนิรภัยลดการบาดเจ็บ-เสียชีวิต

ปี 67 พบผู้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 14,144 ราย แนะปชช.สวมหมวกนิรภัยลดการบาดเจ็บ-เสียชีวิต
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 – กรมควบคุมโรคชี้ ปี 2567 ยอดผู้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 14,144 ราย พร้อมแนะนำให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัยตลอดการขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน
ด้านข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค พบว่า ในปี 2563 – 2567 ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่สวมใส่หมวกนิรภัย ถึงร้อยละ 84 และผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยมีการบาดเจ็บที่ศีรษะมากกว่าผู้สวมหมวกนิรภัย 8 เท่า ดังนั้นการใส่หมวกนิรภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต (แหล่งที่มา: hfocus.org)
หมวกกันน็อค คืออุปกรณ์ที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมโดยกฎหมายกำหนด เพราะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงผู้ใช้มอเตอร์ไซค์จำนวนไม่น้อยยังคงละเลยเรื่องนี้ จนทำให้เกิดคำถามตามมาว่า
ทำไมการสวมหมวกกันน็อคถึงสำคัญ?
– ลดโอกาสเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ถึง 40%
– ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บศีรษะได้กว่า 70%
– เป็นอุปกรณ์ที่กฎหมายกำหนด หากไม่สวมอาจถูกปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ดังนั้น ไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัย แต่ยังเกี่ยวข้องกับสิทธิในการเคลมประกันด้วย
ไม่สวมหมวกกันน็อค ประกันรถมอเตอร์ไซค์คุ้มครองหรือไม่?
คุ้มครองแต่รูปแบบและวงเงินการคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับ
– ประเภทของประกันที่ทำ
– เงื่อนไขในกรมธรรม์
– ความรุนแรงของเหตุการณ์และสาเหตุของการบาดเจ็บ
ความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์ (ประกันภาคบังคับ)
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือ พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันที่เจ้าของรถจักรยานยนต์ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมีประกันชั้นใดก็ตาม
หากไม่สวมหมวกกันน็อคแล้วเกิดอุบัติเหตุ
– ยังได้รับความคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับหรือผู้โดยสาร
– พ.ร.บ. จะคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด
– หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝ่ายถูก จะได้รับเพิ่มสูงสุด 80,000 – 500,000 บาท ตามเงื่อนไข
สรุป : ไม่สวมหมวกกันน็อค พ.ร.บ. ยังคุ้มครอง
